บ้านที่ค่อยๆ ปลูก ค่อย ๆ เติบโตเหมือนต้นไม้
Home is not a place…it’s a feeling.


ค่อยๆ ปลูก ค่อยๆ โต


คุยแบบในกระดาษไป แล้วก็ลองวางไม้ลงบนสเกลจริงเพื่อให้เห็นภาพ ระยะของโครงสร้างจันทัน เพราะที่เราออกแบบมาช่างบอกว่ามันถี่ไป อาจจะเปลืองไม้ไปหน่อย แต่ถ้าเพื่อความสวยงามช่างก็จะจัดให้งามๆ เลยครับ

เตรียมพื้นที่ขุดหลุม เทปูนปรับระดับ สำหรับวางเสาบ้านสำเร็จรูปที่สั่งทำจากร้านขายเสาปูนใกล้บ้าน โดยเราจะบอกช่างว่าเราอยากให้บ้านสูงเท่าไหร่ เสาต้องฝังลงไปในดินกี่เซ็นติเมตร ซึ่งที่เราออกแบบมาเรากะว่าจะให้เสาฝังลงไปในดินประมาณ 1 เมตร ช่างก็จะเตรียมหลุมของเขาเอง และรอทำพิธียกเสาเอก-เสาโท ในวันถัดไป

“พิธียกเสาบ้าน” ของเราก็หาฤกษ์หายามโดยการถามความคิดเห็นจากทุกๆ คน หลังจากได้ฤกษ์ดีแล้วก็ไปเชิญญาติๆ มาช่วยกันเป็นสักขีพยาน และช่วยกันแบกเสามาตั้งที่หลุม ซึ่งในพิธีการนี้จะมีรายละเอียดยิบย่อยอยู่มากมาย ที่แอบซ่อนกุศโลบายไว้ในพิธีกรรม (เดี๋ยวจะมาเล่าภายหลังนะครับ) ญาติๆ เรา และเพื่อนบ้านพากันมาช่วยในงานนี้กว่า 20 คน ซึ่งเยอะมากก มันเป็นแค่พิธีเล็กๆ บ้านก็หลังเล็กๆ เอง แต่ทุกคนเต็มใจมาร่วมพิธี พร้อมกับอวยพรแสดงความยินดีให้กับเรา เป็นอะไรที่รู้สึกดีๆมากเลย


หลังจากที่ทำพิธียกเสาบ้านเสร็จก็ร่วมกันรับประทานอาหาร
“ก้อยเนื้อวัว” เป็นอาหารที่กินตามประเพณี มีนัยยะสื่อถึงวาระพิเศษ ,การเฉลิมฉลอง หรือเทศกาลงานบุญที่คนมาชุมนุมกัน แล้วต้องล้มสัตว์ใหญ่ และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ คือ ต้องกินกับเครื่องดื่มทางวัฒนธรรม น้ำใสๆ สกัดจากข้าวหมัก ที่พระแม่ธรณีชอบกิน


หลังจากที่ทำพิธียกเสาเอก-เสาโท เสร็จ กินลาบก้อยฉลองกันพอเป็นพิธี จากนั้นช่างก็เริ่มทำงานทันทีเลย โดยเริ่มจากการฝังเขี่ยดินมากลบเสาสำเร็จรูปที่ตั้งไว้บนฐานคอนกรีตที่เตรียมไว้ก่อนหน้านั้น พร้อมกับเช็คความตั้งตรงของเสาโดยใช้ที่วัดรัดับน้ำ จากนั้นช่างก็เริ่มประกอบนั่งร้านและขึ้นโครงสร้างหลังคา


บ้านหลังนี้เราใช้วัสดุมุงหลังคาเป็น “สังกะสี” เพราะสังกะสีเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบาและค่อนข้างทนทาน ป้องกันความชื้นได้ดี กันพายุลูกเห็บได้ มีความยืดหยุ่นสูง รื้อเปลี่ยนได้ง่าย แถมยังราคาไม่แพงมากนัก จึงเป็นที่นิยมในสมัยก่อน ดูได้จากบ้านแถบอีสานที่นิยมใช้สังกะสีมาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันก็ยังดูใช้งานได้ดีอยู่ และอีกอย่างสังกะสีมีความแปรเปลี่ยนสูง ทั้งในด้านการป้องกันความร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ทำให้เราสัมผัสได้ถึงสัจธรรมตามธรรมชาติของวัสดุ “ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนผัน”




เมื่อผ่านกระบวนการอะไรมากมายทำให้เรารู้ว่า “บ้าน” ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่เป็น “ความรู้สึก” ของผู้อยู่อาศัย ที่รู้สึกพันผูก กับหลักยึดที่เป็นกายภาพ ที่เป็นงานสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “บ้าน” ซึ่งคำว่าบ้าน คำเดียวนี้จะเป็นตัวแทนของความปลอดภัยทางกาย และทางใจ เป็นความอุ่นใจของผู้อยู่อาศัย เป็นความรู้สึกถึงการได้รับการยอมรับจากสังคม ทำให้เรารู้สึกมั่นใจในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน … คำว่า “บ้าน” จึงเป็นมากกว่า ที่อยู่อาศัย