นวน – จันทร์ บุคคลสามัญ ที่ไม่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์

nanuanchan

ประวัติศาสตร์กระจิ๊ดริดกระจ้อยร่อยของชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรต่อประวัติศาสตร์

 
ผมเติมโตมากับตากับยาย ตาชื่อ “นายนวน” ยายชื่อ “นางจันทร์” เราอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ตากับยายมีลูก 9 คน ในครอบครัวเรามี พ่อแม่ และป้าๆ ลุงๆ อยู่ในระแวกเดียวกันที่คอยไปมาหาสู่กับบ้านหลักซึ่งเป็นบ้านของพ่อแม่ เราอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ก่อนจะเริ่มก่อตั้งหมู่บ้าน ครอบครัวของเราเป็นสามัญชนคนธรรมดา วุฒิการศึกษาของสมาชิกไม่ได้สูงมากนัก เพราะในสมัยก่อนการศึกษายังไม่ได้เข้าถึงชนบทขนาดนี้ เราหาอยู่หากินตามวิถีธรรมชาติไม่ได้มีอาชีพที่ตายตัว
 
ตากับยาย มีชีวิตแบบคนอีสานในสมัยก่อน ผู้หญิงทอผ้า ผู้ชายออกไปล่าหาอาหาร ผมมักจะเห็นตานวนทำเครื่องจักสานจากไม้ไผ่เช่น ไซ ข่อง สานแห สานสวิง สุ่มจับปลา เพื่อเป็นเครื่องมือในการหาอาหาร เพราะวัตถุดิบที่หาได้ทุกวันก็คือปลา ส่วนยายก็จะเก็บฝ้ายที่ปลูกไว้มาปั่นเป็นเส้นด้ายแล้วทอเป็นผ้าห่ม ที่นอน หมอนหนุน บ้างก็ตัดเย็บเป็นผ้าสิ้น หรือเสื้อไว้ให้ลูกหลาน
 
ตากับยายของผมท่านได้เสียชีวิตไปเมื่อ 16 ปีที่แล้ว เมื่อวานเป็นวันครบรอบวันตายของตากับยาย (06JAN2024) ทุกๆ ปีเราจะไปทำบุญที่วัดและทำกับข้าวหม้อใหญ่ หลายอย่างไปถวายพระ
 
วันนี้บังเอิญค้นบ้านไปเจอบัตรประชาชน ของพ่อใหญ่นวน และแม่ใหญ่จันทร์ เป็นบัตรประชาชนยุคแรกๆ วันที่ออกบัตร 13 มกราคม พ.ศ.2520 ก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก และพบว่าข้อมูลที่อยู่บนบัตรเป็นข้อมูลที่สมมติขึ้นมา เนื่องจากที่ว่าการอำเภอถูกเผาวอด ทำให้ข้อมูลประชากรหายไปหมด ซึ่งความจริงแล้วตานวนจะอายุมากกว่ายายจันทร์ แต่ไม่ทราบปีที่เกิดและวันที่ ที่แน่นอน เพราะสมัยก่อนคลอดลูกกันตามธรรมชาติ ในป่าในดง วันเดือนปีเกิดเป็นเพียงสิ่งสมมติ และการนับอายุก็อาศัยการจดจำเอา
 
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตตานวน และยายจันทร์ มีเพียงคำบอกเล่า ไม่มีหลักฐานใดประจักษ์เป็นภาพหรือบันทึกให้เห็น เท่าที่จำความได้ผมก็รับรู้ได้ว่า ตากับยายเป็นที่รู้จักกว้างขวาง เพราะเคยรักษาคนป่วย ช่วยชีวิตคนมาเยอะ ทั้งเป็นหมอยารากไม้ รักษาคนทุกชนชั้นตั้งแต่โจรยันเศรษฐี หมอธรรมปราบผี หรือแม้กระทั่งปราบโจรนักเลงไถ่โทษคนที่ติดคุกจนกลับตัวเป็นคนดีได้ก็หลายคน ทั้งเคยทำเหล้าป่าสุราพื้นบ้านชั้นดี สิ่งต่างๆ ที่ตานวนกับยายจันทร์ทำมาไม่เคยมีบันทึกใดเขียนไว้ และไม่ได้บอกให้ใครสานต่อ แต่มันถูกจดจำผ่านตัวบุคคลที่เขาเคยดูแล และเลี้ยงดูมา
 
บุคคลธรรมดาๆ สองคนนี้ ที่เกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และตายไปแล้ว แต่ชื่อของพวกเขาจะยังไม่ตายหายไปไหน ตราบใดที่มีคนคิดถึงเขาอยู่ ถึงตากับยายไม่ใช่บุคคลสำคัญสาธารณะแต่ก็สำคัญกับลูกหลานทุกคน ผมอยากจะเป็นคนเขียนประวัติศาสตร์อันน้อยนิดกะจ้อยร่อยนี้ ให้พวกเขาทั้งสองเอง
 
——-
Our Story : Nanuanchun

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *